นักเศรษฐศาสตร์ปีเตอร์ ชิฟฟ์ชี้ Strategy เป็น ‘แชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่กว่า Bitcoin และจะล้มก่อน’

นักเศรษฐศาสตร์ปีเตอร์ ชิฟฟ์ชี้ Strategy เป็น ‘แชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่กว่า Bitcoin และจะล้มก่อน’

นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง ปีเตอร์ ชิฟฟ์ (Peter Schiff) ระบุเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กลยุทธ์ที่เน้น Strategy ถือครอง Bitcoin จำนวนมากเป็น “แชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่กว่า” Bitcoin เอง พร้อมโต้แย้งว่าหุ้นของบริษัทจะ พังทลายลงก่อนตัวคริปโตเคอร์เรนซี

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Yellow.com นอกเวทีงาน Binance blockchain week ชิฟฟ์กล่าวว่า ตลาดกำลังมองข้ามสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่รุนแรงกว่าของบริษัท ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) เมื่อเทียบกับตัวสินทรัพย์ที่บริษัทสะสมเอาไว้

เมื่อถูกถามถึงเหตุผลการลงทุนใน Bitcoin เปรียบเทียบกับทองคำ ชิฟฟ์ปัดตกแนวคิดที่ว่า คริปโตเคอร์เรนซีทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงได้
เขาอธิบายว่า Bitcoin เป็น “เงินเฟียตดิจิทัล” เป็นโทเคนที่ “ไม่มีอะไรมาหนุนหลัง” ซึ่งมูลค่าขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นและความศรัทธาเพียงอย่างเดียว ตามมุมมองของชิฟฟ์ ความขาดแคลนไม่ได้ทำให้มันเทียบเท่าโลหะมีค่า และย้ำว่าผู้ซื้อ Bitcoin ไม่ได้ลงทุน แต่กำลัง “พนัน” กับการขึ้นของราคา

อย่างไรก็ตาม ชิฟฟ์มุ่งวิจารณ์อย่างรุนแรงที่สุดไปที่ Strategy

“Strategy คือแชร์ลูกโซ่” เขากล่าว “Strategy ถูกกำหนดให้ต้องล้มสลาย หุ้นจะร่วงไปเป็นศูนย์ก่อน Bitcoin แน่นอน” เขาเสริมว่า ในมุมมองของเขา “Strategy เป็นการฉ้อโกงที่ใหญ่กว่า Bitcoin เองเสียอีก” และถึงขั้นกล่าวว่า “ผมยังอยากถือ Bitcoin มากกว่าหุ้น Strategy เสียอีก”

ชิฟฟ์ให้เหตุผลว่าธุรกิจของ Strategy กลายเป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากการเก็งกำไรใน Bitcoin และผู้ถือหุ้นระยะยาวของบริษัทเผชิญความเสี่ยงใกล้ตัวมากกว่าผู้ที่ถือครองตัวคริปโตเคอร์เรนซีเอง

เขาอ้างว่ามูลค่าตลาดของบริษัทพึ่งพาความคาดหวังต่อการที่ราคา Bitcoin จะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกระแสเงินใหม่จากนักลงทุนที่ “เพิ่งถูกกระแสปั่นให้เข้ามา”

Also Read: TON Hints At Post-Telegram Expansion As U.S. Access, New Integrations Accelerate Growth

เขายังเตือนด้วยว่า หากมีการเทขายสถานะ Bitcoin จำนวนมากพร้อมกัน จะยิ่งเร่งแรงกดดันต่อหุ้นของ MicroStrategy

ชิฟฟ์คาดการณ์ว่านักลงทุนใน ETF และผู้ซื้อที่ใช้เลเวอเรจจะรีบหนีออกจากตลาดเร็วกว่าที่เม็ดเงินใหม่จะไหลเข้า โดยเขาระบุว่าในตลาดมี “สภาพคล่องไม่เพียงพอ” ที่จะรองรับคลื่นการเทขายขนาดใหญ่ได้

เขาให้เหตุผลว่าผู้ถือครอง Bitcoin ระยะแรกได้ใช้ดีมานด์จาก ETF เพื่อทยอยขายทำกำไรจากสถานะขนาดใหญ่ไปแล้ว ทิ้งให้ “สาธารณชนที่หลงเชื่อ” ต้องรับความเสี่ยงต่อการร่วงลงในอนาคต

ชิฟฟ์ยืนยันว่าทั้ง Bitcoin และ Strategy ต่างก็ต้องเผชิญชะตากรรมล่มสลายในท้ายที่สุด แต่เขามองว่าการที่บริษัทพึ่งพาสินทรัพย์ดังกล่าวอย่างหนัก ทำให้บริษัทเปราะบางยิ่งกว่าตัวสินทรัพย์เอง

Read Next: Exclusive: Larry Fink ‘May Be Lying’ About His Pro-Bitcoin Pivot, Says Economist Peter Schiff

ข้อจำกัดความรับผิดชอบและคำเตือนความเสี่ยง: ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้มีไว้เพื่อการศึกษาและการให้ข้อมูลเท่านั้น และอิงตามความเห็นของผู้เขียน ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน กฎหมาย หรือภาษี สินทรัพย์คริปโตมีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง รวมถึงความเสี่ยงในการสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดหรือส่วนใหญ่ การซื้อขายหรือการถือครองสินทรัพย์คริปโตอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกคน ความเห็นที่แสดงในบทความนี้เป็นของผู้เขียนเท่านั้น และไม่ได้แทนนโยบายหรือตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ Yellow ผู้ก่อตั้ง หรือผู้บริหาร ควรทำการวิจัยอย่างละเอียดด้วยตนเอง (D.Y.O.R.) และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่ได้รับใบอนุญาตก่อนตัดสินใจลงทุนใดๆ เสมอ
ข่าวล่าสุด
แสดงข่าวทั้งหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บทความวิจัยที่เกี่ยวข้อง
บทความการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง