Ethereum กำลังเผชิญภาวะความสามารถทำกำไรที่แย่ลงอย่างชัดเจน หลังสัดส่วนอุปทานที่ยังมีกำไรลดลงต่ำกว่า 60% ตามการร่วงของราคาเครือข่ายลงมต่่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ แรงกดดันราคาที่ต่อเนื่องในเดือนธันวาคมทำให้กำไรของนักลงทุนรายย่อยอ่อนแรงลง ควบคู่กับการมีส่วนร่วมของสถาบันที่ลดลงพร้อมกัน
เกิดอะไรขึ้น: ความสามารถทำกำไรของอุปทาน
ข้อมูลออนเชนจาก Glassnode แสดงให้เห็นว่า เปอร์เซ็นต์ของอุปทาน ETH ที่ยังอยู่ในภาวะมีกำไรลดลงต่ำกว่า 60% หลังโทเคนไม่สามารถยืนเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์ได้ จากเดิมที่มากกว่า 70% เมื่อต้นเดือน Ethereum เคยยืนเหนือ 3,000 ดอลลาร์ได้ชั่วครู่เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ดันตัวชี้วัดกำไรขึ้นไปที่ 63% แต่ต้องคืนกำไรเหล่านั้นภายในไม่กี่ชั่วโมง
การปรับตัวลดลงนี้สะท้อนถึงภาวะขาดทุนที่ลุกลามจากผู้ซื้อรายใหม่ ไปยังนักลงทุนที่เริ่มสะสมโทเคนตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม
นี่ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดของความตึงเครียดบนเครือข่าย เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาได้กัดเซาะกำไรของผู้ถือในวงกว้างมากขึ้น
Also Read: Trust Wallet Launches Compensation Program After Chrome Extension Hack Drains $7M
ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ: การถอนตัวของสถาบัน
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 30 วันของกระแสเงินสุทธิที่ไหลเข้ากองทุน ETF Ethereum สปอตในสหรัฐฯ ยังคงติดลบตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน สะท้อนการถอนตัวของนักลงทุนสถาบันอย่างต่อเนื่อง ความต่อเนื่องของกระแสเงินไหลออกนี้ตัดกับช่วงกระแสเงินไหลเข้า ที่เคยช่วยหนุนให้ Ethereum วิ่งเข้าใกล้จุดสูงสุดใหม่ในเดือนสิงหาคม และเคยเป็นแหล่งแรงซื้อเพิ่มเติมสำคัญที่ช่วยดูดซับแรงขายในอดีต
บริการติดตามธุรกรรมออนเชน Lookonchain เพิ่งตรวจพบบัญชีหนึ่งที่ขาย ETH จำนวน 4,619 เหรียญ มูลค่าราว 13.42 ล้านดอลลาร์ แปลงเป็น Bitcoin Cash ภายในสองสัปดาห์หลังจากไม่ได้เคลื่อนไหวมานานเกือบเก้าปี แม้ว่าตัวตนเจ้าของกระเป๋ายังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ก็ตาม
Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX ก็ได้ขาย ETH จำนวน 1,871 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5.53 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากข้อมูลของผู้ให้บริการติดตามธุรกรรมรายเดียวกัน
Read Next: Why JPMorgan Is Cutting Off Stablecoin Neobanks In Latin America Despite Crypto-Friendly Messaging

